เริ่มเกมพังทันที – ฟาน ไดค์ มอบจุดโทษ

ลิเวอร์พูลเสียประตูแรกอีกครั้งเป็นเกมที่ 10 จาก 12 นัดหลังสุด เมื่อ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ทำแฮนด์บอลจากจังหวะคอร์เนอร์ ส่งผลให้ อิวาน เปริซิช ซัดจุดโทษให้ PSV ขึ้นนำอย่างง่ายดาย ขณะที่ VAR ปฏิเสธคำเถียงของกัปตันหงส์แดงที่บอกว่าตัวเองถูกผลัก

แต่ลิเวอร์พูลยังตอบโต้ได้ดี และตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ โคดี้ กักโป ยิงให้โกลปัดออกมา ก่อน โดมินิก โซบอสซ์ไล ตามเก็บเข้าประตู

ก่อนพักครึ่ง ฟาน ไดค์ เกือบแก้ตัวได้เมื่อโหม่งลูกเตะมุมชนคาน และทีมเจ้าบ้านดูดีขึ้น ทว่าเป็นเพียงภาพลวงตาก่อนทุกอย่างจะพังลงหลังเริ่มครึ่งหลัง

เกมรับสุ่มเสี่ยง – PSV ลงโทษจนหมดสภาพ

ครึ่งหลัง PSV กลับมาคุมเกม และเกมรับลิเวอร์พูลก็แสดงความเปราะบางให้เห็นอีกครั้ง เมื่อ เมาโร จูเนียร์ ลากหนีซาลาห์ก่อนแทงทะลุช่องให้ กุส ทิล ยิงจ่อเป็น 2-1

สถานการณ์ยิ่งแย่เมื่อ อิบราฮิมา โกนาเต้ พลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ปล่อยบอลลอดเท้าให้ตัวสำรอง ริคาร์โด เปปี หลุดเดี่ยว ก่อนซ้ำเข้าทาง คูไฮบ์ ดริอูเวค ยิงง่าย ๆ เป็น 3-1

โกนาเต้ถูกถอดออกอีกครั้งเพื่อเพิ่มกองหน้าไล่ตามสกอร์ แต่ก็ทำให้แนวรับเปิดกว้าง และช่วงทดเจ็บ ลิเวอร์พูลโดนสวนกลับ ก่อนดริอูเวคซัดปิดกล่องเป็น 4-1 กลายเป็นความพ่ายแพ้คาบ้านในยุโรปที่หนักสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์สโมสร

อนาคตของสลอตกำลังสั่นคลอน

ผลงานแพ้สามนัดติดด้วยผลต่างสามประตูหรือมากกว่า เกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1953-54 ซึ่งเป็นปีที่ลิเวอร์พูลตกชั้น และสถิติเหล่านี้กำลังฉุดความเชื่อมั่นของแฟนบอลลงเรื่อย ๆ

จากกุนซือที่เคยพาทีมคว้าแชมป์ตั้งแต่ปีแรกในอังกฤษ สลอตกำลังเผชิญแรงกดดันสูงสุดนับตั้งแต่รับงาน หากไม่หาทางแก้เกมรับที่พังทลายและการเล่นไร้ไอเดียโดยด่วน อนาคตของเขาในถิ่นแอนฟิลด์อาจไม่ยืนยาวอย่างที่คิด.